This is default featured slide 1 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.This theme is Bloggerized by Lasantha Bandara - Premiumbloggertemplates.com.

This is default featured slide 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.This theme is Bloggerized by Lasantha Bandara - Premiumbloggertemplates.com.

This is default featured slide 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.This theme is Bloggerized by Lasantha Bandara - Premiumbloggertemplates.com.

This is default featured slide 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.This theme is Bloggerized by Lasantha Bandara - Premiumbloggertemplates.com.

This is default featured slide 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.This theme is Bloggerized by Lasantha Bandara - Premiumbloggertemplates.com.

วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2558

St. Vitus Cathedral (Prague)

มหาวิหารเซนต์วิตัส (St. Vitus Cathedral)
      ตั้งอยู่ในย่านปราสาทปราก สร้างในสมัยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 14 โดยมีสถาปนิกเอกชาวฝรั่งเศส Matthias of Arras ชาวสเวเบีย (Swabian) เป็นผู้ออกแบบและควบคุมดูแลคนต่อมา มหาวิหารเซนต์วิตัส แคทเทอร์ดรอล (St Vitus cathedral)  เป็นที่เก็บมงกุฎเพชรซึ่งทำขึ้นในสมัยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 4 กษัตริย์ผู้สร้างความเจริญสูงสุดจนทำให้เมืองปราก เป็นการสร้างแบบสถาปัตยกรรมโกธีก (Gothic) ที่ได้ตกแต่งประดับประดาไปด้วยหัวสัตว์ประหลาดมากมายที่ทำด้วยหินตั้งอยู่บนหลังคาและปากท่อรางน้ำฝน ส่วนภายในของมหาวิหารนักท่องเที่ยวจะได้พบกับความงามอันประณีตของสถานที่ฝังศพต่างๆ และคุณยังสามารถปีนไต่ขึ้นไปบนยอดสุดของหอระฆังได้ ซึ่งเป็นจุดที่สูงสุดของปราสาทและสามารถชมความงามของตัวเมืองทั้งหมดจากมุมสูงตรงนั้น นอกจากนั้นมหาวิหารแห่งนี้ยังมีห้องสำหรับสวดมนต์เล็กที่อยู่ด้านข้างรอบๆ และสิ่งหนึ่งที่น่าทึ่งของห้องสวดมนต์เล็กของ เซนต์ เวนเซสลาส คือกำแพงฝาผนังที่ประดับได้ด้วยพลอยและหินที่มีสีสันสดใสระรานตา
เริ่มจากประตูทางเดินด้านหน้า

 


มองเห็นความงามด้านนอก 
มีทหารด้านหน้าประตูทางเข้า ไม่พลาดที่จะต้องเก็บภาพกันแทบทุกคน 
 ยูนิฟอร์มเข้าเป็นเอกลักษณ์ที่สวยงามทีเดียว
ถึงประตูทางเข้าด้านหน้าคิวยาวมาก
 
  เข้าไปดูด้านในกันดีกว่า
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
จากนั้นก็เดินเข้าในโบสถ์ถัดมา ลักษณะแตกต่างจากโบสถ์แรก
 
 
 
 ออกมาเดินด้านนอก วิวก็สวยไปอีกแบบ
 ความเป็นที่สุดและความสูงตระหง่านเหนือกรุงปรากคือความที่สง่างามอย่างยิ่งและความยิ่งใหญ่ของมหาวิหารเซนต์วิตัส (St Vitus cathedral)
 
 
 
 
 บริเวณทางรอยต่ออีกโบสถ์มองออกมาด้านนอก ดูใหญ่อลังการมาก
 
  
 
 
ทำเนียบของประธานาธิบดี
ปราสาทแห่งกรุงปรากเป็นยังเป็นที่ตั้งของทำเนียบประธานาธิบดีแห่งสาธารณะรัฐเช็กเช่นเดียวกัน ปราสาทแห่งนี้เป็นศูนย์กลางแห่งประวัติศาสตร์และการเมืองประเทศ จะได้เห็นสองอนุสาวรีย์ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานการสู้รบของ ไททัน (Titans) ตั้งอยู่เหนือประตูทางเข้า จะรับรู้ได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกเมื่อเวลาที่ได้เดินผ่านประตูเข้าสู่ปราสาทอันซับซ้อนและใหญ่โตมโหฬารแห่งนี้ รวมไปถึงพระราชวัง, โบสถ์สามแห่ง, คอกม้าของราชสำนัก, ที่พักอาศัยของพระ และที่แน่นอนคือสวนรอบๆปราสาทได้รับการตกแต่งอย่างสวยสดงดงาม
 
 
 
 นักท่องเที่ยวกำลังมุงดู  การผลัดเปลี่ยนเวรยามของทหารรักษาพระองค์
พิธีการนี้กระทำที่หน้าปราสาททุกๆวันตั้งแต่เวลา 05:00 น.จนถึงเวลา 23:00 น.การผลัดเปลี่ยนเวรยามของทหารรักษาพระองค์ในตอนบ่ายจะรวมถึงพิธีการประโคมแตรเดี่ยวพร้อมด้วยพิธีเชิญธงในบริเวณลานปราสาทชั้นแรก



รอบๆตัวปราสาทมีจุดที่น่าสนใจอยู่หลายแห่งอย่างเช่นถนนโกลเด้น เลน (Golden Lane) ซึ่งเป็นห้องแถวร้านค้าเล็กๆตั้งอยู่เรียงราย ซึ่งครั้งหนึ่งในอดีตห้องแถวเหล่านี้เคยใช้เป็นบ้านพักของทหารยามเฝ้าพระราชวัง
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.prague.fm

 
ถนนสายทองคำ หรือโกลเดนเลน (Golden Lane)
ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของปราสาทปราก เป็นถนนสายเล็กๆ ที่ตั้งตามชื่อย่านที่ช่างทำทองเคยอาศัยในวริเวณนี้ช่วงศตวรรษที่ 17 โดยสองข้างทางบนถนนเต็มไปด้วยร้านขายของเล็กๆ สีสันสดใส เริ่มแรกนั้นถนนสายนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักของทหารรักษาพระราชวังในสมัยพระเจ้ารูดอล์ฟที่ 2 (Rudolf II) จนกระทั่ง 100 ปีถัดมา ช่างทำทองได้ย้ายเข้ามาและเริ่มดัดแปลงเป็นร้านขายของและที่พักอาศัย ในช่วงศตวรรษที่ 19 พื้นที่บริเวณนี้กลายเป็นชุมชมแออัดที่อยู่อาศัยของพวกคนจน และเต็มไปด้วยอาชญากรรม จนช่วงปีค.ศ. 1950 เจ้าของบ้านที่แท้จริงจึงกลับมาบูรณะซ่อมแซมให้กลับสู่สภาพเดิม ร้านค้าบริเวณนี้ส่วนใหญ่เป็นร้านหนังสือ ร้านขายเครื่องแก้วโบฮีเมียน และร้านขายของที่ระลึกต่างๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.euroclubholiday.com